ผลสำรวจในวันนี้ (5 มิ.ย.) บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจภาคบริการของอังกฤษในเดือนพ.ค.ชะลอตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนของเดือนเม.ย. ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี สถานการณ์ดังกล่าวอาจปูทางสู่การลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในปลายปีนี้
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของอังกฤษจากเอสแอนด์พี โกลบอล แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 52.9 ในเดือนพ.ค. ลดลงจาก 55.0 ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับค่าดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้น
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI รวมภาคบริการและการผลิตขั้นสุดท้ายของอังกฤษแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ 53.0 ในเดือนพ.ค. ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 54.1 ในเดือนเม.ย.
เอสแอนด์พีระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ 0.3% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งแม้จะเป็นแค่ครึ่งหนึ่งของอัตราการเติบโตในไตรมาสแรก แต่ก็ยังคงเป็นการปรับตัวดีขึ้นจากภาวะถดถอยเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาสินค้าและบริการทั้งในภาคบริการและในดัชนีรวม เพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบกว่า 3 ปี
"ตอนนี้เป็นเวลา 3 เดือนแล้วที่เงินเฟ้อราคาขายในภาคบริการผ่อนคลายลง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BoE และบ่งชี้ว่าทิศทางของราคาบริการกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ถูกต้อง" นายโจ เฮย์ส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอสแอนด์พี กล่าว
อย่างไรก็ตาม เอสแอนด์พีตั้งข้อสังเกตว่าแรงกดดันด้านราคายังคงสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19
ธุรกิจต่าง ๆ มี "ความเชื่อมั่นอย่างมาก" เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งเอสแอนด์พีกล่าวว่าสะท้อนถึงความหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง รวมถึงการเติบโตจะฟื้นตัวขึ้น
อนึ่ง ระดับการจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สวนทางกับภาพรวมในตลาดแรงงานที่อ่อนแอในข้อมูลอย่างเป็นทางการ