เงินเฟ้อเดือนพ.ค. 2567 ของอังกฤษกลับมาอยู่ที่ระดับ 2% เมื่อเทียบรายปี ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี แต่แรงกดดันด้านราคาที่ซ่อนอยู่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีแนวโน้มจะใช้รอเวลาอีกสักพักก่อนจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อลดลงจากระดับ 2.3% ในเดือนเม.ย. เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2564 และลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดในรอบ 41 ปี ที่ 11.1% ในเดือนต.ค. 2565
เงินเฟ้อภาคบริการ ซึ่ง BoE ใช้เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระยะกลาง อยู่ที่ 5.7% ในเดือนพ.ค. ลดลงจาก 5.9% ในเดือนเม.ย. แต่ยังสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 5.5%
"คงไม่มีใครในนครลอนดอนที่ดีใจกับข่าวนี้เท่านายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE อีกแล้ว" นายไมเคิล บราวน์ นักวิเคราะห์วิจัยอาวุโสของบริษัทเปปเปอร์สโตน (Pepperstone) กล่าว แต่ก็เสริมว่า BoE คงรอดูสถานการณ์ไปจนถึงเดือนส.ค.ถึงจะค่อยตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ BoE เคยระบุว่า แม้เงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมายแล้ว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ตัดสินใจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยได้
มาร์ติน ซาร์ทอเรียส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) กล่าวว่า "แม้เงินเฟ้อทั่วไปลดลง แต่ผู้กำหนดนโยบายยังต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงสัญญาณของแรงกดดันด้านราคาภายในประเทศ เช่น การเติบโตของค่าจ้างที่สูงขึ้น ซึ่งยังคงลดลงช้า ๆ"
แม้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในผลสำรวจของรอยเตอร์จะคาดการณ์ว่า BoE จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 5.25% ลงในเดือนส.ค.นี้ แต่ตลาดการเงินกลับมองว่าน่าจะเป็นเดือนก.ย.หรือพ.ย.มากกว่า และคาดว่ามีโอกาสต่ำกว่า 10% ที่จะลดดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อรอบล่าสุดนี้ลดลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในครัวเรือนที่รัฐบาลควบคุมเมื่อเดือนเม.ย. ซึ่งผลกระทบนี้จะค่อย ๆ หายไปในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ BoE คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง
ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ดึงเงินเฟ้อในเดือนพ.ค.ลงมาก็คือราคาอาหารที่ลดลง โดยลดอัตราเงินเฟ้อรายปีสำหรับอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ลงมาอยู่ที่ 1.7% จากจุดสูงสุดในรอบ 45 ปีที่ 19.2% ในเดือนมี.ค. 2566