สถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (25 มิ.ย.) ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียเดือนมิ.ย. 2567 เพิ่มขึ้น 1.7% มาอยู่ที่ 83.6 หลังจากที่ลดลง 0.3% ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากข่าวดีเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพเพิ่มเติมจากรัฐบาลท้องถิ่น ก่อนที่จะมีการปรับลดภาษีเงินได้ครั้งใหญ่ในวันที่ 1 ก.ค.นี้
อย่างไรก็ดี ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 จุด บ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเชิงลบมีจำนวนมากกว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเชิงบวก เช่นเดียวกับช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผลสำรวจครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งออกมาเตือนถึงความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวสูงขึ้นและความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
ผลสำรวจยังพบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับ 90.0 ในช่วงก่อนการประชุม มาอยู่ที่ระดับ 80.1 ในช่วงหลังจากที่ RBA ประกาศมติแล้ว ส่งผลให้สัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองจะปรับตัวสูงขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 43.5% ในเดือนพ.ค. เป็น 48.3% ในเดือนมิ.ย.
แม้ว่ามาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบาลจะส่งผลบวกต่อมุมมองของผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของครัวเรือนในผลสำรวจครั้งนี้ แต่ภาพรวมของมุมมองต่อเศรษฐกิจยังคงอยู่ในแง่ลบอย่างมาก ขณะที่ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ในครัวเรือน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.2% มาอยู่ที่ระดับ 79.7 ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวที่ระดับ 124 อย่างมาก
นายแมทธิว ฮัสซัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเวสต์แพค กล่าวว่า "รายละเอียดของผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล กำลังถูกบดบังด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย"