สำนักงานสถิติแห่งชาติของอาร์เจนตินา (INDEC) เปิดเผยข้อมูลเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) ว่า เศรษฐกิจอาร์เจนตินาเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคแล้วในไตรมาสแรกของปี 2567 โดย GDP หดตัว 2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นับเป็นการหดตัวติดต่อกันสองไตรมาส
เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP หดตัว 5.1% ในไตรมาสแรก ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 5.25% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนลดลง 6.7% ในไตรมาสนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการบริโภคภาครัฐลดลง 5% นอกจากนี้ การนำเข้าลดลง 20.1% แต่การส่งออกกลับเพิ่มขึ้น 26.1%
INDEC ยังเปิดเผยตัวเลขการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็น 7.7% ในไตรมาสแรก จาก 5.7% ในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่ามีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นราว 300,000 คนจากไตรมาสก่อนหน้า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและภาวะเงินเฟ้อที่สูงในระดับเลขสามหลักส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้บริโภคและกระทบยอดขายสินค้าต่าง ๆ เช่น เนื้อวัว ขณะที่นโยบายรัดเข็มขัดของประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์ ทำให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐต้องหยุดชะงัก เกิดการเลิกจ้างครั้งใหญ่ในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคก่อสร้าง
ทั้งนี้ ปธน.มิเลย์ อดีตนักเศรษฐศาสตร์และนักวิจารณ์เศรษฐกิจคนดัง ยืนยันว่าประเทศจำเป็นต้องจัดระเบียบการเงิน หลังจากเผชิญปัญหาการขาดดุลงบประมาณเรื้อรังที่นำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้สาธารณะซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก
นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนธ.ค. 2566 ปธน.มิเลย์ได้สร้างความคึกคักให้กับตลาดด้วยการมุ่งเน้นให้เกิดการเกินดุลทางการคลัง ซึ่งเขาก็ทำได้สำเร็จจนถึงตอนนี้ โดยพันธบัตรและตลาดหุ้นต่างก็ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งปัญหาความยากจนและคนไร้บ้านที่เพิ่มสูงขึ้น
ปธน.มิเลย์ยืนยันว่า การใช้ยาแรงทางการคลังเป็นสิ่งจำเป็น และเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวในที่สุด