ผลสำรวจวันนี้ (3 ก.ค.) เผยว่า การเติบโตของภาคธุรกิจโดยรวมในยูโรโซนชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนมิ.ย. 2567 แม้ภาคบริการซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจหลักยังคงเติบโตได้ดี แต่ก็ไม่สามารถชดเชยการหดตัวในภาคการผลิตได้
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนเดือนมิ.ย.จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ที่รวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอล อยู่ที่ระดับ 50.9 ลดลงจากที่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 12 เดือนที่ 52.2 ในเดือนพ.ค. แต่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้นที่ 50.8 และถือเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
"การเติบโตในยูโรโซนครั้งนี้เป็นผลมาจากภาคบริการโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ภาคการผลิตอ่อนแอลงอย่างมากในเดือนมิ.ย. แต่ภาคบริการยังคงเติบโตแข็งแกร่งเกือบเท่าเดือนก่อนหน้า" นายไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก HCOB กล่าว
ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 52.8 ในเดือนมิ.ย. ลดลงจากระดับ 53.2 แต่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้นที่ 52.6
ในทางกลับกัน ผลสำรวจแยกต่างหากที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (1 ก.ค.) แสดงให้เห็นว่า กิจกรรมในภาคการผลิตทั่วยูโรโซนกลับย่ำแย่ลงในเดือนมิ.ย. เนื่องจากความต้องการสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว แม้โรงงานต่าง ๆ จะลดราคาลงแล้วก็ตาม
ความต้องการสินค้าที่ผลิตลดลง ประกอบกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงของภาคบริการ ส่งผลให้ดัชนีธุรกิจใหม่โดยรวมลดลงต่ำกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. โดยอยู่ที่ 49.4 ในเดือนมิ.ย. เทียบกับ 51.6 ในเดือนพ.ค. แต่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้นที่ 49.2
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แม้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว และคาดว่าจะปรับลดลงอีกครั้งในเดือนก.ย.และธ.ค. ตามผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์
ข้อมูลค่าแรงที่สูงและแรงกดดันด้านราคาที่ยังคงอยู่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้นว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ชี้ว่า แรงกดดันด้านต้นทุนทั้งด้านปัจจัยการผลิตและราคาผลผลิตเริ่มผ่อนคลายลง
ราคาที่เรียกเก็บโดยบริษัทในภาคบริการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 3 ปี โดยดัชนีราคาผลผลิตลดลงมาอยู่ที่ 53.5 จาก 54.2
"ดัชนีราคา PMI ในภาคบริการของ HCOB จะช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของ ECB ในครั้งนี้" นายเดอ ลา รูเบีย กล่าวเสริม
"เมื่อมองไปข้างหน้า ECB คงต้องระมัดระวังอยู่ดี เพราะราคาสินค้ายังสูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนเกิดโควิดอยู่มาก และยังถือว่าสูงผิดปกติเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง"