นักวิเคราะห์ได้อ้างอิงคำกล่าวของ ลอนจี กรีน เอเนอร์จี เทคโนโลยี (Longi Green Energy Technology) บริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ของจีนว่า อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์จีนที่กำลังระส่ำระสายน่าจะยังไม่กลับมาทำกำไรในเร็ว ๆ นี้ เพราะอาจยังมีอุปทานล้นตลาดไปอีกนานถึง 2 ปี
ลอนจีเปิดเผยกับซิตี้ รีเสิร์ช (Citi Research) และไดว่า แคปปิตอล (Daiwa Capital) ว่า ราคายังไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวแซงหน้าต้นทุนได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยซิตี้ระบุในเอกสารที่เผยแพร่วันนี้ (8 ก.ค.) ว่า "การขาดทุนเป็นวงกว้างในอุตสาหกรรมจะยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากอุปทานล้นตลาด"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของจีนซึ่งเป็นแนวหน้าของโลก กำลังเผชิญกับปัญหาอุปทานล้นตลาดหลังจากมีการผลิตมากเกินความต้องการในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งซึ่งรวมถึงลอนจี ต่างรายงานตัวเลขขาดทุนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากถูกบีบให้ต้องขายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุน
ซิตี้ระบุในเอกสารว่า ลอนจีเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่น่าจะยังไม่สามารถทำกำไรได้ในอนาคตอันใกล้นี้ และบริษัทกำลังเดิมพันกับเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ใหม่ของลอนจีมีความล้ำหน้ามากขึ้น แต่ราคายังไม่อาจแข่งขันในตลาดได้
นายเดนนิส ยิป นักวิเคราะห์จากไดว่า แคปปิตอล กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ก.ค.) ว่า "เรายังไม่เห็นปัจจัยเร่งใด ๆ ที่จะช่วยให้ภาคส่วนนี้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และขอแนะนำนักลงทุนว่าไม่ควรหวังสูงเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์" พร้อมกับเสริมว่า ลอนจีคาดว่าราคาจะฟื้นตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยในอีก 3 เดือนข้างหน้า