สถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (9 ก.ค.) ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียเดือนก.ค. 2567 ลดลง 1.1% มาอยู่ที่ 82.7 เมื่อเทียบรายเดือน พลิกกลับจากที่เพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 จุด บ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเชิงลบมีจำนวนมากกว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเชิงบวก
ความเชื่อมั่นที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น แม้มีรายงานว่ารัฐบาลจะออกมาตรการลดภาษีและค่าไฟก็ตาม
นายแมทธิว ฮัสซัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเวสต์แพค กล่าวว่า "ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงเป็นเชิงลบรุนแรงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองปีที่ผ่านมา"
"ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แม้ว่ารัฐบาลกำลังจะลดภาษีและออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินอื่น ๆ ก็ตาม"
ทั้งนี้ รัฐบาลจะลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของแรงงานส่วนใหญ่ในเดือนนี้ แม้ว่าส่วนลดนี้อาจยังไม่ปรากฏในสลิปเงินเดือนก็ตาม
ด้านธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายล่าสุดเมื่อเดือนมิ.ย. แต่ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่เงินเฟ้ออาจพุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ RBA จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ผลสำรวจยังพบว่า สัดส่วนของผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองจะปรับตัวสูงขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นจาก 48.3% ในเดือนมิ.ย. เป็นเกือบ 60% ในเดือนก.ค.
ด้วยเหตุนี้ ดัชนีชี้วัดมุมมองของผู้บริโภคเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของครัวเรือนจึงปรับตัวลดลงอย่างมาก แม้ว่ามุมมองที่มีต่อเศรษฐกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยก็ตาม
ด้านดัชนีชี้วัดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ในครัวเรือนหรือไม่ เพิ่มขึ้น 3.1% แต่อยู่ที่ระดับ 82.1 ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต