บริษัทวิจัยตลาด โร โมชัน (Rho Motion) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 13% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตในจีน ขณะที่ยอดขายในยุโรปลดลง
นายชาร์ลส์ เลสเตอร์ ผู้จัดการฝ่ายข้อมูลของโร โมชัน กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า จีนครองส่วนแบ่งมากกว่า 60% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เนื่องจากมีรถยนต์ไฟฟ้าให้เลือกมากขึ้นในตลาดจีน และยอดขายรถ BYD ออกมาแข็งแกร่ง ทั้ง 2 ปัจจัยนี้มีส่วนทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ PHEV ในจีนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
นายเลสเตอร์กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ PHEV ทั่วโลกแตะ 1.4 ล้านคันในเดือนมิ.ย. โดย 0.86 ล้านคันมาจากจีน ซึ่งเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ในยุโรป ยอดขายรายเดือนลดลง 7% สู่ระดับ 0.30 ล้านคัน โดยประเทศที่ยอดขายลดลงมากที่สุดคือฟินแลนด์ ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ในทางตรงกันข้าม อิตาลีกลับมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 34% หลังจากรัฐบาลออกมาตรการจูงใจ
ในสหรัฐและแคนาดา ยอดขายรถยนต์ PHEV เพิ่มขึ้น 6% สู่ระดับ 0.14 ล้านคันในเดือนมิ.ย.
นายเลสเตอร์กล่าวเสริมว่า ยอดขายของบีวายดี (BYD) พุ่งสูงขึ้นในบราซิล ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัวจากเดือนมิ.ย. 2566
"ภาพรวมคือปี 2567 จะไม่เห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างที่บางคนคาดหวังไว้สำหรับอุตสาหกรรมนี้ และเราได้ปรับลดประมาณการลง 5% สู่ระดับ 16.6 ล้านคันสำหรับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้" นายเลสเตอร์ระบุในแถลงการณ์
"ความแตกต่างในแต่ละภูมิภาคนั้นน่าสนใจมาก" นายเลสเตอร์กล่าวเสริม
ทั้งนี้ ความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เคยเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากผู้บริโภคกำลังรอให้มีรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกลงออกมาขายในตลาด ขณะที่บางคนก็หันไปเลือกรถยนต์ไฮบริดแทน
ด้านเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า EU ได้กำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนสูงถึง 37.6% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในกรณีพิพาททางการค้าระหว่าง EU กับจีนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา