สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย (BPS) รายงานในวันนี้ (15 ก.ค.) ว่า อินโดนีเซียเกินดุลการค้า 2.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิ.ย. ส่งผลให้อินโดนีเซียเกินดุลการค้า 50 เดือนติดต่อกัน
นางอมาเลีย อดินิงการ์ วิดยาสันติ รักษาการหัวหน้าของ BPS กล่าวในการแถลงข่าวว่า "การเกินดุลดังกล่าวชะลอตัวลงจากระดับ 2.92 พันล้านดอลลาร์ของเมื่อเดือนก่อนหน้านั้น"
มูลค่าการส่งออกแตะที่ระดับ 2.084 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว ลดลง 6.65% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. แต่เพิ่มขึ้น 1.17% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ปี 2566
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โดยรวมแล้ว การส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงในเดือนมิ.ย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลหะมีค่าและเครื่องประดับซึ่งร่วงลง 45.76% แต่การส่งออกไขมันและน้ำมันจากสัตว์และพืชพุ่งขึ้น 68.06%
ในทางกลับกัน อินโดนีเซียมีมูลค่าการนำเข้าที่ 1.845 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 4.89% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. แต่เพิ่มขึ้น 7.58% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ การนำเข้าที่ลดลงมากที่สุดอยู่ในกลุ่มเครื่องจักรและเครื่องกลและชิ้นส่วนอะไหล่ ซึ่งปรับตัวลดลง 9.63% ขณะที่การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือการนำเข้าอุปกรณ์ด้านการมองเห็น การถ่ายภาพ ภาพยนตร์ และการแพทย์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 64.69%
รายงานระบุว่า นับตั้งแต่เดือนม.ค.-มิ.ย. 2567 จีนยังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันและก๊าซรายหลักของอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 3.245 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 35.41% ตามมาด้วยญี่ปุ่นที่ 6.47 พันล้านดอลลาร์ หรือ 7.06% และไทยที่ 4.87 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 5.31%