อะโดบี อะนาไลติกส์ (Adobe Analytics) รายงานเมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ว่า นักชอปชาวอเมริกันใช้จ่ายออนไลน์รวมกันสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างช่วงเวลา 48 ชั่วโมงของมหกรรมลดราคา "ไพรม์เดย์" (Prime Day) ของอะเมซอน (Amazon)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แคมเปญลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ของอะเมซอนยังส่งผลให้ร้านค้าปลีกอย่างวอลมาร์ต (Walmart) และทาร์เก็ต (Target) ต้องจัดโปรโมชันมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อดึงดูดลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้าราคาพิเศษ
เดิมทีเดือนก.ค.ถือเป็นช่วงเวลาเงียบเหงาของธุรกิจค้าปลีก แต่งานไพรม์เดย์ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน กลับช่วยเปลี่ยนให้เดือนก.ค.กลายเป็นช่วงเวลาแห่งการชอปปิงของเหล่าผู้ปกครองที่กำลังมองหาสินค้าลดราคา โดยเฉพาะเสื้อผ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแบบ เป้สะพายหลัง ของตกแต่งหอพัก และของใช้ต่าง ๆ ต้อนรับช่วงเปิดเทอม
ปีนี้ ช่วงเวลาจับจ่ายซื้อสินค้าต้อนรับเปิดเทอมเริ่มต้นเร็วกว่าปีก่อน ๆ ประมาณสองวัน เนื่องจากร้านค้าปลีกทั่วสหรัฐต่างพากันเสนอส่วนลดเพื่อดึงดูดลูกค้า ก่อนที่เม็ดเงินเหล่านั้นจะไหลไปหาอะเมซอน
อะโดบีเปิดเผยว่า ยอดขายออนไลน์โดยรวมในวันที่ 16-17 ก.ค. เพิ่มขึ้น 11% สู่ระดับ 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566
ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการจับจ่ายซื้อสินค้าต้อนรับช่วงเปิดเทอม โดยอะโดบีระบุว่า ยอดใช้จ่ายในหมวดหมู่นี้ในทั้ง 2 วัน เพิ่มขึ้น 216% เมื่อเทียบกับยอดขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนมิ.ย. 2567
นอกจากนี้ อะโดบี ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง (D2C) โดยอ้างอิงจากการเข้าชมเว็บไซต์ค้าปลีกในสหรัฐมากกว่า 1 ล้านล้านครั้ง ยังระบุว่า ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 61% ด้วยอานิสงส์จากผู้บริโภคที่ต้องการอัปเกรดอุปกรณ์และเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ด้านอะเมซอนดอทคอม (amazon.com) เปิดเผยว่า งานไพรม์เดย์ในปีนี้มียอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ และมีจำนวนสินค้าที่ขายได้มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
ตลอดช่วงเวลาสองวันของไพรม์เดย์ สมาชิกอะเมซอนไพรม์ได้เลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ดังมากมาย อาทิ โซล เด จาเนโร (Sol de Janeiro), แอปเปิ้ล (Apple) และไดสัน (Dyson) รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กอย่างทรูสกิน (TruSkin) และเนทีฟ เพ็ท (Native Pet)