รายงานล่าสุดจากสมาคมการเดินทางเพื่อธุรกิจโลก (GBTA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (22 ก.ค.) ว่า การใช้จ่ายด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วโลกในปี 2566 นี้ ฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 แล้วในหลายภูมิภาค ทั้งอเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ กลับมาจัดประชุมและพบปะกันแบบตัวต่อตัวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับตัวเลขตามภาวะเงินเฟ้อแล้ว การใช้จ่ายด้านนี้ยังคงต่ำกว่าระดับของปี 2562 นอกจากนี้ การฟื้นตัวเต็มรูปแบบของทั่วโลกยังต้องเจออุปสรรคอีกมาก ทั้งเรื่องความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ บวกกับตลาดใหญ่อย่างจีนที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวช้า
โดยภาพรวมแล้ว การใช้จ่ายด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วโลกในปี 2566 เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 1.34 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ราว 7%
ซูซาน นอยฟาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GBTA กล่าวว่า "เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการใช้จ่ายด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจ แต่จะเป็นไปในระดับปานกลางและปกติมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกลับสู่วงจรปกติ"
GBTA คาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายจะพุ่งแตะ 1.48 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งจะแซงหน้าสถิติเดิมที่ 1.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19
อย่างไรก็ตาม หากปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว การใช้จ่ายด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วโลกในปี 2566 ยังคงต่ำกว่าปี 2562 อยู่ถึง 22%
สำหรับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แม้จะเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในปี 2566 นำโดยเกาหลีใต้และอินเดียที่เพิ่มขึ้น 27% และ 22% ตามลำดับ เมื่อเทียบรายปี แต่ก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยเฉพาะจีนที่แม้จะเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบรายปี แต่ก็ยังตามหลังระดับก่อนเกิดโควิด-19
ส่วนภูมิภาคอื่น ๆ ได้แก่ อเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ต่างก็พากันฟื้นตัวกลับมาใช้จ่ายได้เทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว
ด้านอเมริกาเหนือนั้น ถึงแม้จะทำลายสถิติเดิมที่ 3.468 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐไปได้แล้ว แต่อัตราการเติบโตกลับเหลือเพียง 25% เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจากระดับ 73% ในปีก่อนหน้า
เช่นเดียวกับยุโรปตะวันตก ที่แม้การใช้จ่ายด้านการเดินทางเพื่อธุรกิจจะเพิ่มขึ้น 33% ในปี 2566 แต่ก็ยังถือว่าชะลอตัวลงจากระดับ 109% ในปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่การใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากรัฐบาลผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทาง โดยระดับในปี 2566 ยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 อยู่ 6%