ผลสำรวจจากจูโด แบงก์ (Judo Bank) ในวันนี้ (24 ก.ค.) ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นของออสเตรเลีย อยู่ที่ระดับ 50.2 ในเดือนก.ค. 2567 ลดลงจากระดับ 50.7 ในเดือนมิ.ย. และถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
แม้ตัวเลข PMI ยังคงสะท้อนถึงการขยายตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ แต่แนวโน้มที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังเข้าใกล้ภาวะหดตัว
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลบัญชีประชาชาติอย่างเป็นทางการที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังเข้าใกล้ภาวะถดถอย เนื่องจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและงบประมาณของครัวเรือน
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้การประชุมกำหนดนโยบายของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากข้อมูลในสัปดาห์หน้าแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่สองสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายวอร์เรน โฮแกน หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของจูโด แบงก์ กล่าวว่า ข้อมูล PMI เป็นดัชนีชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเบื้องต้น และอาจไม่ได้สะท้อนถึงมาตรการที่เพิ่งออกมาเร็ว ๆ นี้อย่างการลดหย่อนภาษีเงินได้ให้กับแรงงานทุกคน รวมถึงการแจกเงินช่วยค่าครองชีพแบบครั้งเดียวจากรัฐบาลให้ครัวเรือนต่าง ๆ
"ผลของมาตรการเหล่านี้จะต้องใช้เวลาสักระยะจึงจะเห็นผลต่อภาคธุรกิจ แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้างในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า" นายโฮแกนกล่าว
ข้อมูลยังระบุด้วยว่า การจ้างงานในเดือนก.ค.ยังคงอ่อนตัวลง โดยดัชนีการจ้างงานโดยรวมอยู่เหนือระดับ 50 เพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงไม่ได้ทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในภาคธุรกิจลดลง โดยราคาต้นทุนปัจจัยการผลิตของภาคธุรกิจได้ปรับตัวสูงขึ้นในวงกว้างในเดือนก.ค.
ราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจที่สุดคือต้นทุนปัจจัยการผลิตของภาคบริการ โดยดัชนีปรับตัวสูงขึ้น 4 จุดในเดือนก.ค. สู่ระดับ 63.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566
ขณะเดียวกัน ดัชนีราคาผลผลิตโดยรวมอยู่ที่ 54.1 ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.1 จุดจากเดือนมิ.ย.
"ดัชนีราคา PMI ในระดับนี้บอกเราว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปีในช่วงกลางปี 2567" นายโฮแกนกล่าว