ผลสำรวจในวันนี้ (5 ส.ค.) เผยให้เห็นว่า บริษัทในภาคบริการของอังกฤษในเดือนก.ค. 2567 มีปริมาณคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมกับมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี อันเป็นผลมาจากการชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายของนายเคียร์ สตาร์เมอร์ จากพรรคแรงงาน (Labour Party) ผู้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของอังกฤษจากเอสแอนด์พี โกลบอล อยู่ที่ระดับ 52.5 ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.1 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ผ่านการปรับค่าแล้วที่ 52.4
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลสำรวจนี้ยิ่งตอกย้ำสัญญาณการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นทางธุรกิจนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งพรรคแรงงานของนายสตาร์เมอร์ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย
ดัชนีชี้วัดธุรกิจใหม่พุ่งสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนีกิจกรรมในอนาคตแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ซึ่งเอสแอนด์พี โกลบอล ผู้จัดทำการสำรวจระบุว่า ปัจจัยหนุนมาจากผลการเลือกตั้งและความคาดหวังว่าดอกเบี้ยจะปรับลดลง
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เหลือ 5.0% จากระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 5.25%
"แม้ว่าจะผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 แต่ผลสำรวจล่าสุดเป็นลางดีต่อการเติบโตของ GDP ที่เหมาะสมในไตรมาสที่ 3" นายโจ เฮย์ส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายเฮย์สกล่าวว่าแรงกดดันด้านราคา แม้จะใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2564 แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับ BoE ซึ่งส่งสัญญาณว่าจะดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
สำหรับดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของอังกฤษ อยู่ที่ระดับ 52.8 ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.3 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ผ่านการปรับค่าแล้วที่ 52.7
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตแสดงให้เห็นว่า ผลผลิตในโรงงานของอังกฤษขยายตัวเร็วขึ้นในเดือนก.ค.มากกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ที่เอสแอนด์พี โกลบอล ได้สำรวจ