ผลสำรวจในวันนี้ (5 ส.ค.) เผยว่า การเติบโตของกิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนทรงตัวในเดือนก.ค. อันเป็นผลมาจากภาคบริการ ซึ่งเป็นภาคส่วนหลักของเศรษฐกิจยูโรโซน ขยายตัวอย่างอ่อนแอ ประกอบกับภาคการผลิตที่ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนจากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ที่รวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอล ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 50.2 ในเดือนก.ค. ชะลอลงจากระดับ 50.9 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PMI ดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 50.1 และอยู่สูงกว่าระดับ 50 เป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
นายไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก HCOB กล่าวว่า "เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเติบโตอย่างเชื่องช้าในเดือนก.ค. เนื่องจากภาคบริการไม่ได้เร่งตัวขึ้นเหมือนช่วงต้นปี ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังคงซบเซา"
รายงานระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน แตะที่ระดับ 51.9 ในเดือนก.ค. ลดลงจาก 52.8 ในเดือนมิ.ย. ตรงตามตัวเลขประมาณการเบื้องต้น ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมในโรงงานยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตลดลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในปีนี้
นอกจากนี้ ความต้องการโดยรวมทั่วยูโรโซนยังลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และลดลงในอัตราที่รวดเร็วกว่าเดือนมิ.ย. โดยดัชนีธุรกิจใหม่โดยรวมลดลงสู่ระดับ 49.0 จาก 49.4
อัตราเงินเฟ้อในภาคบริการ ซึ่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) กำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด ยังคงชะลอตัวลง และดัชนีราคาผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมลดลงสู่ระดับ 52.9 จาก 53.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2564 และอาจเปิดทางให้ ECB ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
ทั้งนี้ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. ECB ได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ 3.75% ในเดือนก.ค. แต่ผลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่า ECB จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ โดยอาจเริ่มตั้งแต่เดือนก.ย.นี้