เมอส์ก (Maersk) ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือรายใหญ่สัญชาติเดนมาร์ก เปิดเผยวันนี้ (7 ส.ค.) ว่า ความต้องการในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า แต่อาจโตในอัตราที่ช้าลง เพราะยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอยู่บ้าง
นอกจากนี้ เมอส์กยังยืนยันรายได้เบื้องต้นในไตรมาส 2/2567 ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่บริษัทฯ ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์เป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยประเมินจากค่าระวางสินค้าที่สูงเนื่องจากวิกฤตทะเลแดงและความต้องการในการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่แข็งแกร่ง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมอส์กถูกมองว่าเป็นมาตรวัดการค้าโลก โดยเมอส์กระบุในวันนี้ว่า ความต้องการคอนเทนเนอร์ทั่วโลกน่าจะขยายตัวขึ้น 5-7% ในไตรมาสสอง โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกของจีนซึ่งขยายตัวขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ
บริษัทฯ ระบุในรายงานว่า "การเติบโตของความต้องการตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกคาดว่าจะยังคงอยู่ในแดนบวกในไตรมาสต่อ ๆ ไป แม้จะเป็นไปในอัตราที่ชะลอตัวลงก็ตาม"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมอส์กยังได้เตือนด้วยว่า แนวโน้มในไตรมาสที่ 4/2567 ยังไม่แน่นอน ขณะที่ปริมาณตลาดคอนเทนเนอร์ทั่วโลกตลอดทั้งปี คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4-6%
เมอส์กระบุว่า การขนส่งที่หยุดชะงักอันเกิดจากการที่กลุ่มฮูตีโจมตีเรือในทะเลแดง คาดว่าจะยังคงเป็นปัญหาต่อไปจนถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย
ทั้งนี้ การโจมตีดังกล่าวจุดชนวนให้สหรัฐและอังกฤษออกมาตอบโต้ และส่งผลกระทบต่อการค้าโลก อย่างไรก็ตาม เมอส์กและบริษัทคู่แข่งได้รับประโยชน์จากระยะเวลาเดินเรือที่ยาวนานขึ้นและอัตราค่าระวางสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากเรือต้องเปลี่ยนเส้นทางไปอ้อมทวีปแอฟริกา