กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (8 ส.ค.) ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 12.68 ล้านล้านเยน (8.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยปัจจัยหนุนสำคัญมาจากสองส่วน คือ หนึ่ง ผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งได้อานิสงส์จากค่าเงินเยนที่อ่อนตัว และสอง การขาดดุลการค้าที่ลดลง
รายได้หลักของญี่ปุ่นเกินดุลอยู่ที่ 19.20 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรต่างประเทศที่สูงขึ้น ตัวเลขนี้ถือเป็นยอดเกินดุลรายได้หลักสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับรอบครึ่งปี
ส่วนการขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 2.61 ล้านล้านเยน เนื่องจากการส่งออกขยายตัว 6.7% แตะระดับ 50.61 ล้านล้านเยน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้นเพียง 1.1% แตะระดับ 53.22 ล้านล้านเยน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดถือเป็นหนึ่งในมาตรวัดการค้าระหว่างประเทศที่ครอบคลุมที่สุด
เงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ เพราะทำให้ราคาสินค้านำเข้าทุกประเภทพุ่งสูงขึ้น ตั้งแต่พลังงาน วัตถุดิบ ไปจนถึงอาหาร
แต่ในทางกลับกัน เงินเยนที่อ่อนค่าก็ส่งผลดีสองประการ คือ หนึ่ง ช่วยเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนจากการลงทุน และสอง ส่งเสริมการท่องเที่ยวขาเข้า เพราะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถมาเที่ยวและชอปปิงในญี่ปุ่นได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
ญี่ปุ่นทำสถิติเกินดุลการท่องเที่ยวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.6 ล้านล้านเยน นั่นหมายความว่า เงินที่นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายในญี่ปุ่นมีมูลค่ามากกว่าเงินที่ชาวญี่ปุ่นนำไปใช้จ่ายในต่างประเทศ
สำหรับเดือนมิ.ย.เพียงเดือนเดียว ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 1.53 ล้านล้านเยน และเกินดุลการค้า 5.563 แสนล้านเยน โดยการส่งออกขยายตัว 5.9% แตะระดับ 9.17 ล้านล้านเยน ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.4% แตะระดับ 8.61 ล้านล้านเยน