สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า อินโดนีเซียเกินดุลการค้าราว 470 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 และน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.45 พันล้านดอลลาร์ และต่ำกว่าในเดือนมิ.ย.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.39 พันล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อินโดนีเซียซึ่งมีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น จะมียอดเกินดุลการค้าลดลงในปี 2567 เนื่องจากคาดว่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าการส่งออก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง
ส่วนยอดส่งออกในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 6.46% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.221 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.85% โดยอินโดนีเซียเป็นผู้ส่งออกถ่านหินทำความร้อน, น้ำมันปาล์ม แร่นิกเกิล รายใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งเป็นผู้ส่งออกทองแดง ยาง และกาแฟรายใหญ่ของโลกด้วย
สำหรับยอดนำเข้าในเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 11.07% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.174 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.04% โดยได้แรงหนุนจากการนำเข้าเชื้อเพลิง เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก