ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) ระบุว่า "กรรมการเฟดส่วนใหญ่" มีความเห็นว่า "หากข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้นยังคงเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็เป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะผ่อนคลายนโยบายในการประชุมครั้งต่อไป" โดยการประชุมครั้งหน้าของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า มีกรรมการเฟดหลายคนมองว่านโยบายการเงินของเฟดควรจะอยู่ในระดับคุมเข้ม แต่ก็มีกรรมการเฟดบางคนไม่เห็นด้วยกับมุมมองดังกล่าวเนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลง โดยมองว่าการไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอาจหมายความว่านโยบายการเงินของเฟดจะกลายเป็นสาเหตุที่ฉุดรั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้อ่อนแอลงอีก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้กรรมการเฟดทุกคนมีมติเห็นพ้องให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนก.ค. แต่รายงานการประชุมบ่งชี้ว่า กรรมการเฟดหลายคนกล่าวว่าการที่เงินเฟ้อมีความคืบหน้าในการชะลอตัวลงสู่ระดับเป้าหมาย ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของอัตราว่างงานนั้น "ถือเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอ" สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ รายงานการประชุมระบุว่า กรรมการเฟดพิจารณาว่าภาวะส่วนใหญ่ในตลาดแรงงานของสหรัฐได้กลับสู่ระดับเดียวกับในช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะเริ่มแพร่ระบาด และระบุว่าตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้อยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป