สถาบันวิจัยตลาด GfK เปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (23 ส.ค.) ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอังกฤษยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนส.ค. 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากทัศนคติที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลและการซื้อของชิ้นใหญ่ นับเป็นอีกสัญญาณเชิงบวกในเศรษฐกิจโดยรวม
ผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษทรงตัวที่ -13 ในเดือนส.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 34 เดือน
ตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์ได้คาดการณ์ไว้เล็กน้อยที่ -12
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลสำรวจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่บริษัทต่าง ๆ ให้ข้อมูลเชิงบวกเป็นส่วนใหญ่ นับตั้งแต่พรรคแรงงานของนายเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ได้ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในเดือนก.ค. ผลสำรวจธุรกิจชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
นายโจ สตาตัน ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ลูกค้าของ GfK เผยว่า ดัชนีย่อยที่วัดความเต็มใจของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ปรับตัวดีขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 นอกจากนี้ ดัชนีวัดสถานะทางการเงินส่วนบุคคลก็ปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน
นายสตาตันกล่าวว่า "แนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นนี้อาจเป็นผลมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เอื้อต่อสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงต้นเดือนส.ค. และหวังว่าจะมีการปรับลดอีกในอนาคต"
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ มีมติด้วยคะแนนเสียง 5-4 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.00% ในการประชุมครั้งล่าสุด สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
การตัดสินใจของ BoE ในครั้งนั้น ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี หลังจากที่ได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% ติดต่อกัน 7 ครั้งนับตั้งแต่เดือนส.ค.2566 หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 14 ครั้ง
BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2564 จนถึงเดือนส.ค.2566 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.1% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี
อย่างไรก็ดี นายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ได้ส่งสัญญาณว่า BoE อาจจะไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
ด้านนักลงทุนได้คาดการณ์เมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ว่ามีโอกาสน้อยกว่า 30% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.