เศรษฐกิจกัมพูชามีแววโต 5.6% ปีนี้ อานิสงส์การส่งออกเสื้อผ้า-การท่องเที่ยว

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 5, 2024 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (AMRO) แถลงในวันนี้ (5 ก.ย.) ว่า เศรษฐกิจกัมพูชามีแนวโน้มขยายตัว 5.6% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากระดับ 5% ในปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกเสื้อผ้าและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

AMRO ระบุว่า "การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าอันเนื่องมาจากดีมานด์ที่แข็งแกร่งจากประเทศพัฒนาแล้ว และการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชาในปี 2567 และ 2568" พร้อมกับเสริมว่า การเติบโตในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 5.9%

นอกจากนี้ AMRO ยังระบุอีกว่า "ภาคการผลิตอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เสื้อผ้าจะยังคงรักษาแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้เช่นกัน โดยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ"

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โดยทั่วไปแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจกัมพูชาได้รับแรงหนุนจากการส่งออกเสื้อผ้า การท่องเที่ยว การเกษตร รวมถึงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม AMRO ระบุว่า เส้นทางสู่การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกัมพูชาต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงระยะสั้นจากภายนอกประเทศและความอ่อนแอภายในประเทศ เช่น คุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลงในภาคธนาคาร และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มซบเซาลง

โฮ เออ กอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ AMRO กล่าวว่า กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในภูมิภาค

"การเติบโตของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในประเทศพัฒนาแล้ว เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่เสื้อผ้า ซึ่งคาดว่าจะรักษาแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ โดยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ" เขาระบุในอีเมลที่ส่งถึงสำนักข่าวซินหัว

"การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับอานิสงส์จากเที่ยวบินที่พร้อมให้บริการและนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับมามากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น จะช่วยส่งเสริมให้ภาคบริการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง" เขากล่าว

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของกัมพูชาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 2.1% ในปี 2566 สู่ระดับ 2.2% ในปี 2567 และ 2.3% ในปี 2568 เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นและราคาพลังงานอาจดีดตัวขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ