เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร (UK) ชะงักงันเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.ค. เนื่องจากผลผลิตจากภาคการผลิตร่วงลงอย่างหนัก นับเป็นการเริ่มต้นที่ไม่สู้ดีนักสำหรับรัฐบาลใหม่ของนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ซึ่งตั้งเป้าที่จะเร่งอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ที่เผยแพร่ในวันนี้ (11 ก.ย.) ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในเดือนก.ค.ทรงตัว (โต 0%) เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.
ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่า GDP อาจจะขยายตัว 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
แม้ภาคบริการจะยังคงเติบโตเล็กน้อยที่ 0.1% ในเดือนก.ค. แต่ก็ถูกฉุดรั้งด้วยการหดตัวของภาคการผลิตและภาคการก่อสร้าง
"ดิฉันตระหนักดีถึงความท้าทายมหาศาลที่เราเผชิญอยู่ และดิฉันขอเรียนตรง ๆ กับประชาชนชาว UK ว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน" ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวถึงข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด
อย่างไรก็ตาม รีฟส์ยกตัวอย่างข่าวดีที่อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (AWS) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทมีแผนจะลงทุน 8 พันล้านปอนด์ (1.045 หมื่นล้านดอลลาร์) ใน UK ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยสร้างความหวังให้กับเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจของ UK ยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าหลังเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 โดยในช่วงไตรมาส 4/2562 ถึงไตรมาส 2/2567 เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 2.3%
ONS ระบุว่า GDP ในเดือนก.ค.ปีนี้ขยายตัว 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 1.4%
ทั้งนี้ สตาร์เมอร์เคยกล่าวไว้ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า เขาต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตปีละ 2.5% ซึ่ง UK ยังไม่สามารถรักษาอัตราการเติบโตในระดับนี้ได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์การเงินปี 2551