ยอดส่งออกของญี่ปุ่นชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนส.ค. ขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงไร้ทิศทาง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข้อมูลเบื้องต้นของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นในวันนี้ (18 ก.ย.) โดยระบุว่า ยอดส่งออกเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้น 5.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแม้ว่ายอดส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 10% นอกจากนี้ ยอดส่งออกเดือนส.ค. ยังชะลอตัวลงจากเดือนก.ค. ที่ปรับตัวขึ้น 10.3%
ส่วนยอดนำเข้าเดือนส.ค.ปรับตัวขึ้นเพียง 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 13.4% ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ 6.953 แสนล้านเยน (4.90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เทียบกับที่คาดการณ์ว่าจะขาดดุล 1.38 ล้านล้านเยน โดยญี่ปุ่นขาดดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แล้ว
รายงานระบุว่า ยอดส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 0.7% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี เนื่องจากการส่งออกรถยนต์ เครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่ รวมทั้งเวชภัณฑ์ ปรับตัวลงในอัตราเลขสองหลัก อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.2% แตะระดับ 6.575 แสนล้านเยน
ด้านยอดส่งออกไปยังยุโรปลดลง 8.1% ส่วนยอดส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้น 5.2% ทั้งนี้ แม้ว่าญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้ากับจีนลดลง 23.8% สู่ระดับ 3.771 แสนล้านเยนในเดือนส.ค. แต่ยังคงขาดดุลติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 41 เดือนแล้ว