สถาบัน GfK และสถาบันนูเรมเบิร์กเพื่อการตัดสินใจด้านตลาด (NIM) เปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (26 ก.ย.) ว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเยอรมนีคาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำในเดือนต.ค. เนื่องจากครัวเรือนมีความต้องการที่จะออมเงินมากขึ้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีขยับขึ้นเป็น -21.2 จุดในเดือนต.ค. จาก -21.9 จุดในเดือนก.ย. (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าตัวเลขจะลดลงสู่ระดับ -22.5 จุด
รอล์ฟ เบอร์เคิล นักวิเคราะห์ด้านผู้บริโภคของ NIM กล่าวว่า "แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เป็นแค่การทรงตัวในระดับต่ำ หลังจากที่เดือนก่อนหน้าทรุดตัวลงอย่างหนัก"
เบอร์เคิลระบุว่า "ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ดีขึ้นเลยนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ -21 จุด ดังนั้น การขยับขึ้นเล็กน้อยในครั้งนี้จึงไม่อาจตีความได้ว่าเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน"
เบอร์เคิลกล่าวเสริมว่า ปัญหาในตลาดแรงงานได้กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ฉุดรั้งความเชื่อมั่น นอกเหนือจากสงครามและภาวะเงินเฟ้อที่มีอยู่เดิม
แม้ความเชื่อมั่นโดยรวมจะได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังด้านรายได้และความเต็มใจในการซื้อที่ดีขึ้น แต่ก็ถูกถ่วงด้วยแนวโน้มการออมที่เพิ่มขึ้น และความคาดหวังต่อเศรษฐกิจที่ลดลง
สำหรับตัวชี้วัดความเต็มใจในการซื้อ อยู่ที่ระดับ -6.9 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ -10.9 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีดังกล่าวแสดงถึงความแตกต่างระหว่างคำตอบเชิงบวกและเชิงลบต่อคำถามที่ว่า "คุณคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการซื้อของชิ้นใหญ่หรือไม่"
ส่วนดัชนีความคาดหวังด้านรายได้ อยู่ที่ระดับ 10.1 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.5 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีดังกล่าวสะท้อนถึงความคาดหวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสถานะทางการเงินของครัวเรือนในอีก 12 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ดัชนีความคาดหวังวัฏจักรธุรกิจ อยู่ที่ระดับ 0.7 ในเดือนก.ย. ลดลงจากระดับ 2.0 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีดังกล่าวแสดงถึงการประเมินของผู้ตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไปในอีก 12 เดือนข้างหน้า
อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 5-16 ก.ย.ที่ผ่านมา