ผลสำรวจธุรกิจล่าสุดเปิดเผยในวันนี้ (1 ต.ค.) ว่า ภาคการผลิตของฝรั่งเศสยังคงหดตัวในเดือนก.ย. แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์อาจเริ่มดีขึ้น โดยอัตราการหดตัวชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนส.ค. และดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ขั้นสุดท้ายของฝรั่งเศส จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ซึ่งรวบรวมโดยเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 44.6 ในเดือนก.ย. จาก 43.9 ในเดือนส.ค. นับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ดร. ทาริก คามาล เชาธรี นักเศรษฐศาสตร์จาก HCOB ให้ความเห็นว่า "ภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสยังคงจมปลักอยู่ในภาวะถดถอยที่รุนแรง" เขายังเสริมอีกว่า "บรรดาบริษัทภาคอุตสาหกรรมเริ่มมองอนาคตในแง่ลบมากขึ้น อาจเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังคงไม่แน่นอน"
ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้การผลิตลดลงคือความต้องการสินค้าที่ยังคงอ่อนแรง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศยังซบเซามาก โดยเฉพาะยอดขายในอเมริกาเหนือและบางประเทศในยุโรปตะวันตกที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ ผู้ผลิตยังต้องเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไร ดร.เชาธรี อธิบายว่า "ผู้ผลิตไม่สามารถผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้าได้ทั้งหมด เนื่องจากดีมานด์ในตลาดที่ซบเซา"
ทั้งนี้ ผลสำรวจยังเผยว่าเกือบ 28% ของบริษัทที่ร่วมตอบแบบสอบถามคาดว่าการผลิตจะลดลงในอีก 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่มีเพียง 24% ที่คาดว่าธุรกิจจะเติบโต