ผลสำรวจภาคเอกชนเปิดเผยในวันนี้ (3 ต.ค.) ว่า กิจกรรมภาคบริการของญี่ปุ่นขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนก.ย. แม้อัตราการขยายตัวชะลอลงเล็กน้อยและความเชื่อมั่นลดลง สะท้อนถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจในวงกว้างท่ามกลางภาวะซบเซาของภาคการผลิต
เอสแอนด์พี โกลบอล อินเทลลิเจนซ์ (S&P Global Intelligence) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นจาก au Jibun Bank ลดลงมาอยู่ที่ 53.1 ในเดือนก.ย. จาก 53.7 ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลข PMI ขั้นต้นที่ 53.9 แต่ยังคงอยู่เหนือระดับ 50.0 โดยค่าเฉลี่ย 3 เดือนถึงก.ย.บ่งชี้ถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ในเดือนก.ย. ธุรกิจใหม่ในภาคบริการยังคงเติบโตเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่ยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นทางธุรกิจกลับร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาคการผลิตที่ยังคงอ่อนแอ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจใหม่โดยรวม
ด้านการส่งออก แม้ยอดขายจะเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่ก็ชะลอตัวลงจากเดือนส.ค. โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ที่ความต้องการยังคงซบเซา
ขณะเดียวกัน แม้อัตราเงินเฟ้อจากต้นทุนปัจจัยการผลิตลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แต่ก็ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัวส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อค่าจ้าง ราคาอาหาร และวัตถุดิบนำเข้า ทำให้บริษัทในภาคบริการยังคงต้องผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้า
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่น ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 52.0 ในเดือนก.ย. จาก 52.9 ในเดือนส.ค.