ข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (17 ต.ค.) ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 สิ้นสุดเดือนก.ย. ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 3.11 ล้านล้านเยน (2.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) สาเหตุหลักมาจากเงินเยนอ่อนค่า ทำให้มูลค่าการนำเข้าพุ่งสูงขึ้น แม้การส่งออกจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นรายงานว่า ยอดส่งออกพุ่งขึ้น 6.6% แตะระดับ 53.55 ล้านล้านเยน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวงการชิปที่ยังคงแข็งแกร่ง ส่วนยอดนำเข้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยขยับขึ้น 7.0% มาอยู่ที่ 56.66 ล้านล้านเยน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการนำเข้าคอมพิวเตอร์และยาจากสหรัฐฯ
รายงานเบื้องต้นจากกระทรวงฯ เผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2567 ญี่ปุ่นเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ถึง 4.30 ล้านล้านเยน แต่กลับขาดดุลการค้ากับจีน 3.06 ล้านล้านเยน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เงินเยนอ่อนค่าลงถึง 9.7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้เงินเยนที่อ่อนค่าจะทำให้ญี่ปุ่น ซึ่งต้องพึ่งพาการนำเข้าทรัพยากร ต้องแบกรับต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้บริษัทส่งออกของญี่ปุ่นได้กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อนำเงินตราต่างประเทศแลกกลับเข้ามาเป็นเงินเยน
หากนับเฉพาะเดือนก.ย. เพียงเดือนเดียว ญี่ปุ่นยังคงขาดดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยขาดดุล 2.943 แสนล้านเยน ส่วนการส่งออกหดตัวลง 1.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน สู่ระดับ 9.04 ล้านล้านเยน ในขณะที่การนำเข้ากลับเติบโตขึ้น 2.1% แตะระดับ 9.33 ล้านล้านเยน