ผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันนี้ (24 ต.ค.) พบว่ากิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมของประเทศเยอรมนียังคงหดตัวในเดือนต.ค. แต่ไม่รุนแรงเท่ากับในเดือนก่อนหน้า
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการของเยอรมนี จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 48.4 ในเดือนต.ค. จากระดับ 47.5 ในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 47.6
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
"ผลประกอบการช่วงต้นของไตรมาส 4 ออกมาดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้" ไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก HCOB กล่าว
เดอ ลา รูเบียกล่าวเสริมว่า แม้เศรษฐกิจเยอรมนีมีโอกาสที่จะเติบโตได้ในไตรมาส 4 แต่เมื่อมองภาพรวมทั้งปีแล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อาจจะทรงตัวอยู่กับที่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาท้าทายหลายประการที่ประเทศกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรงจากประเทศจีน รวมถึงการขาดแคลนแรงงานในตลาด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคการผลิตของประเทศ
เศรษฐกิจเยอรมนีกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว โดยในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เศรษฐกิจหดตัวลง 0.1% และรัฐบาลเยอรมนียังคาดการณ์ว่าตลอดปี 2567 เศรษฐกิจจะยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ 0.2% ทั้งนี้ GDP ของไตรมาส 3 มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์หน้า
รายงานระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นของเยอรมนีปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 51.4 ในเดือนต.ค. จาก 50.6 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ในโพลล์ของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 50.6
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นของเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 42.6 ในเดือนต.ค. จากระดับ 40.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 40.8 อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะทำให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยที่สะสมมานานนับปี