โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) บริษัทรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เปิดเผยในวันนี้ (30 ต.ค.) ว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 ลดลง 42% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบกับต้นทุนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการปรับโฉมรุ่นรถยนต์
ผลตอบแทนจากการดำเนินงานต่อยอดขายในหน่วยธุรกิจหลักลดลงเหลือ 2% ณ สิ้นเดือนก.ย. ซึ่ง "ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ" อาร์โน อันท์ลิทซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ระบุในแถลงการณ์
อย่างไรก็ดี อันท์ลิทซ์เสริมว่า จุดที่น่าชื่นใจในผลประกอบการช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. คือยอดคำสั่งซื้อที่ปรับตัวดีขึ้นในยุโรปตะวันตก เนื่องจากมีรถรุ่นใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาด ซึ่งช่วยหนุนยอดขายในไตรมาสสุดท้าย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โครงสร้างการกำกับดูแลที่ซับซ้อน การลงทุนที่ผิดพลาดในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การตัดสินใจด้านการบริหารที่ไม่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนรายได้ที่ลดลงจากจีน และระบบราชการย่ำแย่ของเยอรมนี ถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุของความท้าทายที่โฟล์คสวาเกนกำลังเผชิญ
ทั้งนี้ กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ของโฟล์คสวาเกนอยู่ที่ 2.86 พันล้านยูโร (3.09 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาส 3/2567 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของแอลเอสอีจี (LSEG) ที่ 2.80 พันล้านยูโร