ผลสำรวจเปิดเผยในวันนี้ (12 พ.ย.) ว่า ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวออสเตรเลียพุ่งทะยานขึ้นในเดือนพ.ย.เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง โดยบรรยากาศด้านเศรษฐกิจและการเงินพลิกกลับมาสดใสเป็นครั้งแรก
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออสเตรเลียของสถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนพ.ย. มาอยู่ที่ 94.6 เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 100 จุด บ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเชิงลบมีจำนวนมากกว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเชิงบวก
ด้านตัวเลขมุมมองต่อฐานะการเงินและเศรษฐกิจในอนาคตทะลุเกณฑ์ 100 จุดเป็นครั้งแรกนับแต่วิกฤตโควิด-19 ระบาด
"ผู้บริโภคต่างเห็นว่าแรงกดดันต่อการเงินในครอบครัวเบาบางลง ไม่กังวลเรื่องดอกเบี้ยจะขยับขึ้นอีก และมั่นใจในมุมมองต่อเศรษฐกิจมากขึ้น" แมทธิว ฮัสซัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเวสต์แพคกล่าว
ฮัสซันเตือนว่า ผลการสำรวจเริ่มแย่ลงภายหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าสถานการณ์เช่นนี้จะคงอยู่นานแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้วผลสำรวจยังคงแข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนผู้บริโภคจำนวนมากที่สุดนับแต่ปี 2559 ที่คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยบ้านจะลดต่ำลงในอนาคต สะท้อนให้เห็นจากดัชนีวัดฐานะการเงินของครอบครัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้วพุ่งสูงขึ้น 6.8% ขณะที่มุมมองต่อการเงินในช่วง 12 เดือนข้างหน้าขยับขึ้น 4.4%
ดัชนีชี้วัดมุมมองต่อเศรษฐกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าพุ่งขึ้น 8.7% ส่วนมุมมองในอีก 5 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้น 6.5% เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยบรรเทาลง
ส่วนดัชนี "ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ในครัวเรือน" เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งนับเป็นสัญญาณดีสำหรับบรรดาร้านค้าปลีกในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ดัชนีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อที่อยู่อาศัยพุ่งสูงขึ้นถึง 11.3% ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสำรวจยังกังวลเรื่องการตกงานน้อยลงด้วย