สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ (27 พ.ย.) ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนร่วงลง 10% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนยังไม่ช่วยให้ผลประกอบการของภาคเอกชนฟื้นตัวขึ้นได้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ลดลง 27.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 โดยกำไรภาคอุตสาหกรรมถือเป็นมาตรวัดความแข็งแกร่งด้านการเงินของโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภคในจีน
ส่วนในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวลง 4.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี เทียบกับในช่วง 9 เดือนแรกที่ปรับตัวลง 3.5%
ข้อมูลที่มีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุดของจีนเป็นปัจจัยหนุนบางภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะบรรเทาแรงกดดันด้านเงินฝืดได้ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ร่วงลง 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าในเดือนก.ย.ที่ลดลง 2.8% และสะท้อนให้เห็นว่าจีนยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืด