ภาคบริการ ซึ่งเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักร (UK) ชะลอตัวในเดือนพ.ย. แม้จะไม่หนักหนาสาหัสอย่างที่คาดการณ์ไว้แต่แรก โดยมีสาเหตุจากภาษีนายจ้างที่กำลังจะปรับขึ้น ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องทบทวนแผนการจ้างงาน ตามผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (4 ธ.ค.)
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของ UK จาก S&P Global ลดลงจาก 52.0 ในเดือนต.ค. มาอยู่ที่ 50.8 ในเดือนพ.ย. ถือเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เดือนต.ค. 2566 แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 50.0
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
ผลสำรวจพบว่า การจ้างงานในภาคบริการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แม้จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนต.ค.
บริษัทต่าง ๆ รายงานว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจดิ่งลง ซึ่ง S&P ระบุว่าสะท้อนความกังวลของภาคธุรกิจหลังจากราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังประกาศงบประมาณเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่รวมถึงการปรับเพิ่มเงินสมทบประกันสังคมที่นายจ้างต้องจ่ายอย่างก้าวกระโดด พร้อมกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 6.7%
"ความกังวลต่อผลกระทบจากนโยบายในงบประมาณ โดยเฉพาะส่วนที่ผลักดันต้นทุนการจ้างงานให้พุ่งสูงขึ้น ถูกรายงานอย่างกว้างขวางว่าทำให้มุมมองต่อการลงทุนทางธุรกิจมืดมนลง" ทิม มัวร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ (S&P Global Market Intelligence) กล่าว
S&P ระบุว่า แผนขึ้นภาษีทำให้ผู้ตอบแบบสำรวจชะลอการลงทุนและเพิ่มความกังวลต่ออุปสงค์ที่อ่อนแอลง บางรายยังห่วงเรื่องแรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจขยายวงกว้างในปีหน้า
ผลสำรวจชี้ว่าต้นทุนปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับแต่เดือนเม.ย. ส่วนใหญ่มาจากต้นทุนค่าจ้างที่พุ่งสูง ขณะที่ราคาขายก็ปรับตัวเร็วขึ้นเช่นกัน
S&P รายงานว่า บริษัทในภาคบริการมีคำสั่งซื้อใหม่อ่อนแอที่สุดนับแต่เดือนมิ.ย. ส่วนความคาดหวังต่อการเติบโตของผลผลิตต่ำสุดนับแต่เดือนธ.ค. 2565
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการ ร่วงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 12 เดือนที่ 50.5 ในเดือนพ.ย. จาก 51.8 ในเดือนต.ค. โดยปรับเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 49.9