ชัคติคานตา ดาส ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย (RBI) เปิดเผยในวันนี้ว่า คณะกรรมการ RBI ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราส่วนการกันสำรองเงินสด (Cash Reserve Ratio) หรือ CRR สำหรับธนาคารพาณิชย์ลง 0.5% สู่ระดับ 4% โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะลดปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนสภาพคล่อง
ทั้งนี้ การปรับลดอัตราส่วน CRR จะแบ่งออกเป็น 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% โดยจะเริ่มขึ้นในวันที่ 14 และ 28 ธ.ค.
ผู้ว่าการ RBI ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การปรับลด CRR ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระบบธนาคารของอินเดียมากถึง 1.16 ล้านล้านรูปี โดยการประกาศลดอัตราส่วนการกันสำรองเงินสด มีขึ้นหลังจากคณะกรรมการ RBI ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 11 ครั้ง
คณะกรรมการ RBI กำลังเผชิญกับความยากลำบากในควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอินเดียพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนที่ระดับ 6.21% ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ RBI กำหนดไว้ที่ระดับ 4%
คณะกรรมการ RBI ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับดังกล่าวตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงรุนแรงกว่าคาดนั้น ได้ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินของ RBI มีความยากลำบากมากขึ้น
ในไตรมาสเดือนก.ค.-ก.ย. เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวเพียง 5.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.5% และเป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี
ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ทำให้เกิดความกังวลว่า นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของ RBI อาจส่งผลให้อินเดียมีความเสี่ยงที่จะพลาดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 7.2% ในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2568