ธนาคารโลกประกาศปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2567 และ 2568 ในวันนี้ (26 ธ.ค.) พร้อมเตือนว่า ความเชื่อมั่นที่ถดถอยทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ รวมถึงแรงกดดันในภาคอสังหาริมทรัพย์ จะยังคงฉุดรั้งเศรษฐกิจในปีหน้า
ด้วยผลจากการผ่อนคลายนโยบายล่าสุดและการส่งออกที่แข็งแกร่งในระยะอันใกล้ ธนาคารโลกคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนจะเติบโต 4.9% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดือนมิ.ย.ที่ 4.8%
ขณะเดียวกัน GDP ในปี 2568 คาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 4.5% แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 4.1%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกอย่างจีนประสบปัญหาตลอดปีนี้ โดยมีสาเหตุหลักมาจากวิกฤตอสังหาฯ และอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา นอกจากนี้ การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. ก็อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตด้วยเช่นกัน
ธนาคารโลกระบุว่า การเติบโตของรายได้ครัวเรือนที่ชะลอตัวและผลกระทบด้านลบจากราคาที่อยู่อาศัยที่ลดลง คาดว่าจะกดดันการบริโภคต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568
แม้หน่วยงานกำกับดูแลที่อยู่อาศัยจะพยายามยับยั้งการร่วงของตลาดอสังหาฯ จีนในปีหน้า แต่ธนาคารโลกคาดว่า ภาคส่วนนี้จะยังไม่ฟื้นตัวจนกว่าจะถึงปลายปี 2568
ชนชั้นกลางของจีนขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ทศวรรษ 2550 โดยมีสัดส่วน 32% ของประชากรในปี 2564 แต่ธนาคารโลกประเมินว่าประชากรราว 55% ยังคง "ขาดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ" สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างโอกาสใหม่ ๆ
"การจัดการปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ การเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม และการปรับปรุงการคลังท้องถิ่น จะเป็นกุญแจสำคัญสู่การฟื้นตัวที่ยั่งยืน" มารา วอร์วิค ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศจีน กล่าว
"เราต้องรักษาสมดุลระหว่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้างระยะยาว" วอร์วิคกล่าวเพิ่มเติมในแถลงการณ์