ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) ระบุในวันนี้ (2 ม.ค.) ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนปรับตัวลงในเดือนธ.ค. เนื่องจากภาพรวมของภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของยอดสั่งซื้อเพื่อการส่งออก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มด้านการค้า
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 50.5 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 51.5 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 51.7
ยอดสั่งซื้อใหม่เพื่อการส่งออกปรับตัวลงในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 4 ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาในต่างประเทศ และการที่สหรัฐฯ ขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนนั้น ถือเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ของโลก
ข้อมูล PMI ภาคการผลิตที่รายงานโดยไฉซินนั้น สอดคล้องกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 50.1 ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 50.3 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 50.3
ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลจีนจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ เนื่องจากโดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในไม่ช้านี้ และมีแนวโน้มที่จะทำให้สถานการณ์ด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความตึงเครียดมากขึ้น