ภาคการผลิตในยูโรโซนส่งท้ายปี 2567 ด้วยบรรยากาศที่ไม่สดใสนัก หลังผลสำรวจที่เปิดเผยในวันนี้ (2 ม.ค.) ชี้ว่า กิจกรรมการผลิตหดตัวลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วขึ้น และแทบไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัวในเร็ว ๆ นี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนจาก HCOB ที่จัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 45.1 ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าตัวเลข 45.2 ในเดือนพ.ย.เล็กน้อย และยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 มาตั้งแต่กลางปี 2565
ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่ในระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
สำหรับดัชนีย่อยที่ใช้วัดผลผลิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการที่จะประกาศในวันจันทร์หน้า (6 ม.ค.) และถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสุขภาพเศรษฐกิจ ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน จาก 45.1 ในเดือนพ.ย. ลงมาอยู่ที่ 44.3 ในเดือนธ.ค.
"แม้แต่ในเดือนธ.ค. ภาคการผลิตก็ไม่ส่งสัญญาณบวกช่วงเทศกาล ยังคงเป็นขาลงเหมือนเดิม คำสั่งซื้อใหม่ลดลงยิ่งกว่าในช่วงสองเดือนก่อนหน้า ซึ่งทำลายความหวังที่จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว" ไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) กล่าว "ยอดคำสั่งซื้อค้างส่งที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งตอกย้ำภาพรวมที่ไม่สดใสนี้"
ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ลดลงต่ำกว่าระดับ 50 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อค้างส่งลดลงจาก 42.9 สู่ระดับ 42.0 บ่งชี้ว่า กิจกรรมการผลิตส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นการตอบสนองดีมานด์ที่คั่งค้างมากกว่า
สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แม้ว่าโรงงานต่าง ๆ จะปรับลดราคาสินค้าลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 แล้วก็ตาม และถึงแม้ผู้ผลิตจะมีความหวังมากขึ้นกับแนวโน้มในปีนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องปรับลดจำนวนพนักงานลงอย่างต่อเนื่อง