ภาคบริการของเยอรมนีส่งสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อยในเดือนธ.ค. โดยกิจกรรมทางธุรกิจกระเตื้องขึ้น ทำให้กลับเข้าสู่แดนบวกได้อีกครั้ง แม้ว่าแรงกดดันด้านราคาจะยังคงสูงขึ้น จากผลสำรวจที่เผยแพร่วันนี้ (6 ม.ค.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนีจาก HCOB ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 51.2 ในเดือนธ.ค. จาก 49.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 51.0
ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
การเติบโตครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากการสะสางแบ็คล็อกได้มากขึ้น แม้ว่าธุรกิจใหม่จะยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของผู้บริโภค การขาดแคลนโครงการประมูลจากภาครัฐ และอุปสงค์ที่อ่อนแอจากภาคการผลิต อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบริการสำหรับผู้บริโภคกลับมีงานเข้ามามากขึ้น
ถึงแม้ภาคบริการจะเติบโต แต่ก็เผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนอย่างหนัก โดยต้นทุนปัจจัยการผลิตพุ่งขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปรับขึ้นค่าแรง ซึ่งส่งผลให้ราคาผลผลิตปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ไซรัส เดอ ลา รูเบีย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) ให้ความเห็นว่า "ประเด็นสำคัญจากดัชนี PMI ภาคบริการในเดือนธ.ค. คือการเติบโตที่อ่อนแอควบคู่ไปกับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง เรียกได้ว่าเศรษฐกิจซบเซาพร้อมเงินเฟ้อ (Stagflation) อย่างแท้จริง"
เดอ ลา รูเบีย ยังเสริมว่า การที่ภาคบริการยังคงแข็งแกร่ง แม้ภาคการผลิตจะอยู่ในภาวะถดถอย แสดงให้เห็นว่าภาคบริการมีความเป็นอิสระจากภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของเยอรมนีจาก HCOB ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวที่ 48.0 ในเดือนธ.ค. แม้จะปรับตัวดีขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนที่ 47.2 ในเดือนพ.ย.ก็ตาม
ด้านการจ้างงานในภาคบริการก็ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 แม้ว่าการลดลงจะค่อนข้างน้อย โดยบริษัทต่าง ๆ อ้างว่า สาเหตุของการลดจำนวนพนักงานคือการพยายามลดต้นทุนและการขาดโครงการใหม่ ๆ