สำนักงานสถิติรายงานในวันนี้ (7 ม.ค.) ว่า อัตราเงินเฟ้อรายปีของฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนธ.ค. โดยมีสาเหตุหลักจากราคาอาหารและค่าสาธารณูปโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.9% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% และสูงกว่า 2.5% ในเดือนพ.ย.
จากตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2567 อยู่ที่ 3.2% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคารกลางฟิลิปปินส์ที่ 2-4% และถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2564 ที่ฟิลิปปินส์บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) แถลงว่า "โดยรวมแล้ว แนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย และการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ทรงตัว สนับสนุนให้ BSP ดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น"
เงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวน เพิ่มขึ้นเป็น 2.8% ในเดือนธ.ค. จาก 2.5% ในเดือนพ.ย.
เมื่อเดือนที่แล้ว BSP ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 5.75% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และส่งสัญญาณว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีนี้อาจ "ค่อยเป็นค่อยไป" เนื่องจากยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
ผลสำรวจของรอยเตอร์ที่สอบถามนักเศรษฐศาสตร์ 24 คนในเดือนธ.ค. พบว่าส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ทุกไตรมาสในช่วง 9 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.00% ภายในสิ้นเดือนก.ย. 2568
"ในอนาคต คณะกรรมการนโยบายการเงินจะยังคงใช้วิธีที่รอบคอบในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าราคาจะมีเสถียรภาพ ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่ยั่งยืน" BSP กล่าว