สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ (8 ม.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งมากกว่าในเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 2.1% และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.2% เนื่องจากต้นทุนค่าไฟฟ้าพุ่งขึ้น 22% ในเดือนพ.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จับตาอย่างใกล้ชิดนั้น ลดลงสู่ระดับ 3.2% ในเดือนพ.ย. จากระดับ 3.5% ในเดือนต.ค. โดยดัชนี CPI พื้นฐานเดือนพ.ย.อยู่ใกล้กับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ RBA กำหนดไว้ที่ระดับ 2% - 3%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การชะลอตัวลงของดัชนี CPI พื้นฐานทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า RBA อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนหน้า โดยล่าสุดนักลงทุนให้น้ำหนัก 64% ต่อการคาดการณ์ที่ว่า RBA จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.พ. เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 50%
จิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีคลังออสเตรเลีย ได้แสดงความพอใจเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของดัชนี CPI พื้นฐาน โดยเขาคาดการณ์ว่า RBA จะใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาในการประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไป
ทั้งนี้ RBA ได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.35% มาเป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว โดยพิจารณาว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับดังกล่าวถือเป็นระดับที่มีการคุมเข้มมากพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ในขณะเดียวกันก็ยังคงทำให้การจ้างงานปรับตัวขึ้นด้วย