ข้อมูลเบื้องต้นที่เผยแพร่ในวันนี้ (24 ม.ค.) ระบุว่า ภาคการผลิตของญี่ปุ่นย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 เดือนในเดือนม.ค. เหตุอุปสงค์ซบเซา ขณะที่ภาคบริการยังเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนบทบาทสำคัญของภาคบริการในการพยุงเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาคการผลิตที่อ่อนแอ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของญี่ปุ่นจาก au Jibun Bank ลดลงสู่ระดับ 48.8 ในเดือนม.ค. จาก 49.6 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่า 50 ต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ภาคการผลิตของญี่ปุ่นเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ลดลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการส่งออกไปยังจีนและสหรัฐอเมริกาลดลง 3% และ 2.1% ตามลำดับในเดือนธ.ค. ขณะที่ผลผลิตภาคการผลิตเดือนม.ค.ลดลงมากสุดตั้งแต่เม.ย.ปีที่แล้ว ด้านคำสั่งซื้อใหม่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม ภาคบริการยังคงเติบโต โดยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นจาก au Jibun Bank เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 52.7 ในเดือนม.ค. จาก 50.9 ในเดือนธ.ค. เพราะมีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น แม้ต้นทุนปัจจัยการผลิตโดยเฉลี่ยจะพุ่งแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ส.ค.ปีที่แล้ว
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะระดับ 51.1 ในเดือนม.ค. จาก 50.5 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 0.25% เป็น 0.50% ในวันนี้ โดยพิจารณาจากแรงกดดันด้านค่าจ้างและราคาในประเทศที่สูงขึ้น โดย BOJ ระบุว่าการปรับขึ้นค่าจ้างกำลังเกิดขึ้นในธุรกิจทุกขนาดและทุกภาคส่วน