จากข้อมูลที่เปิดเผยวันนี้ (31 ม.ค.) ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของกรุงโตเกียวพุ่งแตะ 2.5% ในเดือนม.ค. นับเป็นอัตราการขยายตัวรายปีที่เร็วที่สุดในรอบเกือบปี และสูงเกินเป้าหมาย 2% ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำหนดไว้มาก ส่งผลให้ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวมีขึ้น หลังจาก BOJ เพิ่งประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 แต่ก็ยังต่ำกว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่น ๆ อยู่มาก
ดัชนี Core CPI ของกรุงโตเกียว (ไม่รวมราคาอาหารสดที่ผันผวน) ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้ และสูงกว่าของเดือนธ.ค.ที่ขยายตัว 2.4%
ดัชนีดังกล่าวเร่งตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม โดยอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนทำสถิติเท่ากับจุดสูงสุดในเดือนก.พ.ปีที่แล้ว
ส่วนดัชนีอีกตัวที่ไม่รวมทั้งราคาอาหารสดและพลังงาน ซึ่ง BOJ ใช้ติดตามภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ในตลาดนั้นพบว่า ในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่ขยายตัว 1.8%
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในหลายหมวด ทั้งอาหาร เชื้อเพลิง และสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ซึ่งสะท้อนภาระค่าครองชีพที่กดดันภาคครัวเรือนมากขึ้น
ในทางกลับกัน ราคาค่าบริการชะลอตัวลงจาก 1.0% ในเดือนธ.ค. เหลือ 0.6% ในเดือนม.ค. ซึ่งขัดกับมุมมองของ BOJ ที่เชื่อว่า การปรับขึ้นค่าแรงจะกระตุ้นให้ภาคบริการที่เน้นการใช้แรงงานผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค
ตัวเลขเงินเฟ้อของกรุงโตเกียวซึ่งถือเป็นดัชนีชี้นำแนวโน้มของทั้งประเทศ มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันให้ BOJ ต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง เรียวโซ ฮิมิโนะ รองผู้ว่าการ BOJ กล่าวเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.) ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง หากเศรษฐกิจและราคาสินค้าเคลื่อนไหวสอดคล้องกับที่ได้ประเมินไว้