ธุรกิจนอกภาคน้ำมันของซาอุดีอาระเบียมีการเติบโตสูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) พุ่งสูงขึ้นจาก 58.4 ในเดือนธ.ค. เป็น 60.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557 ตามรายงานล่าสุดของริยาดแบงก์ (Riyad Bank) ที่เผยแพร่วันนี้ (4 ก.พ.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
การเติบโตครั้งนี้มีปัจจัยหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นจาก 65.5 ในเดือนธ.ค. เป็น 71.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2554
ผลสำรวจระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ความต้องการในธุรกิจนอกภาคน้ำมันของซาอุฯ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือสภาวะทางเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยและโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ๆ ส่งผลให้คำสั่งซื้อของลูกค้าและยอดขายจากการส่งออกเพิ่มขึ้น
"การเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อส่งออกช่วยเสริมความต้องการภายในประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศในกลุ่ม GCC (คณะมนตรีความร่วมมือแห่งรัฐอ่าวอาหรับ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์ทางการตลาดและการกำหนดราคาที่สามารถแข่งขันได้" นาอิฟ อัลฆอยษ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของริยาดแบงก์ กล่าว
"การขยายตัวที่เกิดขึ้นนี้ตอกย้ำถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของประเทศในการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ"
เศรษฐกิจนอกภาคน้ำมันของซาอุฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4/2567 โดยเติบโตเร็วกว่า GDP โดยรวม การเติบโตนี้เป็นผลมาจากความพยายามของรัฐบาลในการลงทุนและดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจภายใต้วิสัยทัศน์ 2030 (Vision 2030)
ระดับการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้นในเดือนม.ค. แต่แรงกดดันด้านต้นทุนยังคงเป็นข้อกังวล โดยอัตราเงินเฟ้อของราคาปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้นส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ เพิ่มราคาผลผลิตในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบประมาณหนึ่งปี
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังทางธุรกิจสำหรับปีหน้าปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2567 โดยที่บริษัทต่าง ๆ ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับผลผลิตในอนาคต