ผลสำรวจซึ่งเผยแพร่ในวันนี้ (11 ก.พ.) ชี้ว่า กิจกรรมภาคธุรกิจออสเตรเลียชะลอตัวในเดือนม.ค. โดยยอดขายและกำไรลดลง อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นทางธุรกิจกลับปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากภาคธุรกิจคาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
ผลสำรวจจากเนชันแนล ออสเตรเลีย แบงก์ (NAB) ระบุว่า ดัชนีภาวะธุรกิจปรับตัวลง 3 จุด มาอยู่ที่ +6 ในเดือนม.ค. สวนทางกับเดือนก่อนหน้าที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจพุ่งขึ้นจาก -2 มาอยู่ที่ +4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2567
ด้านดัชนียอดขายลดลง 4 จุด แตะ +6 ส่วนดัชนีความสามารถในการทำกำไรดิ่งลง 6 จุด มาอยู่ที่ -2 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอัตรากำไรของธุรกิจกำลังถูกกดดัน โดยเฉพาะในภาคค้าปลีก
อลัน ออสเตอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NAB กล่าวว่า "ธุรกิจยังคงต้องแบกรับต้นทุนสูง และไม่สามารถผลักภาระให้ผู้บริโภคได้ทั้งหมด ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรและภาวะธุรกิจโดยรวมย่ำแย่ลง"
อย่างไรก็ดี ดัชนีการจ้างงานขยับขึ้น 1 จุด มาอยู่ที่ +5 ซึ่งสะท้อนว่าตลาดแรงงานยังคงเติบโตได้ดี แต่ธุรกิจที่ซบเซาลง ได้แก่ เหมืองแร่ การเงิน และอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ภาคค้าปลีกก็ชะลอตัวลงหลังจากที่ทำผลงานได้ดีในเดือนธ.ค.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทั้งธุรกิจและผู้บริโภคอาจได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย (cash rate) ลงจากระดับ 4.35% ในสัปดาห์หน้า ซึ่งหากมีการปรับลดจริงจะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19 ในปี 2563
ผลสำรวจของ NAB พบทั้งสัญญาณดีและไม่ดีในเรื่องเงินเฟ้อ โดยต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น 1.8% ต่อไตรมาสในเดือนม.ค. แต่ต้นทุนการจัดซื้อกลับชะลอตัวลงแตะ 1.1% ด้านราคาค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.9% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนธ.ค.
อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจาก 82.7% มาอยู่ที่ 82.0% ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ