เจ้าหน้าที่เปิดเผยในวันนี้ (16 ก.พ.) ว่า พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา (Hiroshima Peace Memorial Museum) ซึ่งจัดแสดงเรื่องราวความเสียหาย ในปี 2488 จากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ มีนักท่องเที่ยวจำนวน 2 ล้านคนในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งเริ่มต้นในเดือนเม.ย. 2567 ถือเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2498
ข้อมูลระบุว่า จำนวนผู้เข้าชมอยู่ที่ 2,003,718 คน ณ วันเสาร์ (15 ก.พ.) สะท้อนถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าเงินเยนอ่อนตัว และความสนใจของประชาชนที่มีต่อพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่เพิ่มมากขึ้น ท่ามกลางสงครามของรัสเซียกับยูเครนและความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
พิพิธภัณฑ์คาดการณ์ว่า ภายในกลางเดือนมี.ค. 2568 จำนวนผู้เข้าชมทั้งหมดจะเกิน 80 ล้านคนนับตั้งแต่ที่เปิดทำการมา โดยรัฐบาลท้องถิ่นกำลังดำเนินการดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดในพื้นที่ต่าง ๆ
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของการระเบิดปรมาณูในใจกลางเมืองฮิโรชิมา จัดแสดงโบราณวัตถุจากเหยื่อในเหตุการณ์ดังกล่าว ตลอดจนวัสดุอื่น ๆ เพื่อถ่ายทอดความน่ากลัวของอาวุธนิวเคลียร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา ได้เปิดให้บริการเมื่อ 10 ปีหลังจากที่สหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดปรมาณูลงที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิในช่วงวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเดือนส.ค. 2488 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 214,000 รายเมื่อสิ้นปีดังกล่าว และผู้รอดชีวิตจำนวนมากต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิตในระยะยาว
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยเคนโซ ทังเง สถาปนิกชาวญี่ปุ่นผู้ล่วงลับไปแล้ว และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นในปี 2549 ในระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่ม G7 ที่จัดขึ้นที่เมืองฮิโรชิมาในปี 2566 โดยโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำที่เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้