ผลสำรวจของธนาคารกลางเกาหลี (BOK) ที่เผยแพร่ในวันนี้ (20 ก.พ.) ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกาหลีใต้ในเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี อันเป็นผลมาจากความคาดหวังว่า สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศจะมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงวิกฤตกฎอัยการศึก ประกอบกับนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากภาครัฐ
ผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมในเดือนก.พ. อยู่ที่ 95.2 เพิ่มขึ้น 4 จุดจาก 91.2 ในเดือนม.ค. ถือเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 ที่เพิ่มขึ้น 5.4 จุด
สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า การฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 นี้สะท้อนการคลี่คลายความกังวลหลังจากที่ดัชนีเคยดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ 86.6 ในเดือนธ.ค. อันเป็นผลพวงจากความปั่นป่วนทางการเมืองเมื่อประธานาธิบดียุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและถูกยื่นถอดถอนในเวลาต่อมา
แม้ตัวเลขดัชนีที่ต่ำกว่า 100 จะสะท้อนว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองลบยังมีจำนวนมากกว่าคนที่มองบวก แต่ผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นถึงความหวังที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค อันเนื่องมาจากบรรยากาศการเมืองที่ผ่อนคลายลง และมาตรการเชิงรุกของรัฐบาลในการเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ส่งออกและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ท่ามกลางสมรภูมิการค้าโลกที่ดุเดือด
"ยังมีความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศเองด้วย เราจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างไร" เจ้าหน้าที่จาก BOK ระบุ
ด้านการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ BOK ได้ปรับลดตัวเลขลงเหลือ 1.9% สำหรับปี 2568 ต่ำกว่าปีก่อนหน้าที่เติบโต 2.2% รี ชางยอง ผู้ว่าการ BOK ยังส่งสัญญาณว่าอาจต้องปรับลดตัวเลขลงอีกเหลือเพียง 1.6% เนื่องจากต้องเผชิญความท้าทายทั้งจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอ