ผลสำรวจภาคเอกชนเปิดเผยวันนี้ (21 ก.พ.) ว่า กิจกรรมภาคการผลิตญี่ปุ่นหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ในเดือนก.พ. แต่อัตราการหดตัวชะลอลง สะท้อนว่าภาคอุตสาหกรรมที่ซบเซาอาจเริ่มฟื้นตัว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้การลงทุนภาคธุรกิจเป็นตัวหนุน GDP ญี่ปุ่นในไตรมาสที่ผ่านมา แต่ภาคการผลิตยังคงอ่อนแอตั้งแต่ก่อนที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์และสินค้าส่งออกสำคัญของญี่ปุ่น
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของญี่ปุ่นจาก au Jibun Bank ปรับตัวขึ้นเป็น 48.9 ในเดือนก.พ. จากระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนที่ 48.7 ในเดือนม.ค. สะท้อนการฟื้นตัวเล็กน้อย
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
การปรับตัวดีขึ้นนี้มาจากการลดลงที่ชะลอตัวของผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ PMI ภาคการผลิต
อย่างไรก็ตาม อุซามะฮ์ ภัตติ นักเศรษฐศาสตร์จากเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ ระบุว่า ความเชื่อมั่นต่อกิจกรรมทางธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าลดลงในเดือนก.พ. โดยความคาดหวังต่อผลผลิตของผู้ผลิตแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563
"บริษัทต่าง ๆ ระบุว่า การขาดแคลนแรงงาน เงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง และเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นโดยรวม" ภัตติกล่าว
ขณะเดียวกัน ดัชนีย่อยต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า ระดับการจ้างงานลดลงครั้งแรกนับจากเดือนพ.ย. และราคาปัจจัยการผลิตปรับขึ้นเร็วกว่าเดือนก่อน
ในทางตรงกันข้าม ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นปรับขึ้นเป็น 53.1 ในเดือนก.พ. จาก 53.0 ในเดือนม.ค. จากการขยายตัวของธุรกิจใหม่และอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นปรับขึ้นเป็น 51.6 ในเดือนก.พ. จาก 51.1 ในเดือนม.ค.