ผลสำรวจล่าสุดที่เผยแพร่วันนี้ (21 ก.พ.) ระบุว่า ธุรกิจในสหราชอาณาจักร (UK) เร่งปลดพนักงานในอัตราเร็วที่สุดในรอบกว่า 4 ปี ก่อนมาตรการปรับขึ้นเงินสมทบประกันสังคมของราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง จะมีผลบังคับใช้ ขณะที่ซัพพลายเออร์หลายรายได้ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าไปก่อนหน้านี้แล้ว
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของ UK จาก S&P Global อยู่ที่ 50.5 ในเดือนก.พ. ลดลงจาก 50.6 ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ด้านตัวเลขการจ้างงานดิ่งลงสู่ระดับ 43.5 จาก 45.3 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563 หรือต่ำสุดนับจากวิกฤตการเงินปี 2550-51 หากไม่นับช่วงโควิด-19
"1 ใน 3 ของบริษัทที่ลดจำนวนพนักงาน ระบุว่าเป็นผลโดยตรงจากนโยบายในงบประมาณเดือนต.ค.ปีที่แล้ว" คริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจของเอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนซ์ กล่าว
อนึ่ง ในแถลงการณ์ด้านภาษีและการใช้จ่ายประจำปีครั้งแรก หลังจากพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ค. รีฟส์ได้ปรับขึ้นเงินสมทบประกันสังคมที่ภาคธุรกิจต้องจ่ายเป็นจำนวน 2.5 หมื่นล้านปอนด์ สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มนายจ้างที่ออกมาเตือนว่าจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
วิลเลียมสันระบุว่า ผลสำรวจสะท้อนถึง "ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันและเงินเฟ้อสูง" (Stagflationary environment) ซึ่งเป็นโจทย์ยากสำหรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ต้นทุนธุรกิจใน UK พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังซัพพลายเออร์ทยอยปรับขึ้นราคาเพื่อรองรับมาตรการภาษีใหม่ที่จะมีผลเดือนเม.ย. และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเกือบ 7% ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นใกล้เคียงระดับสูงสุดรอบ 18 เดือนในเดือนม.ค.
เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน BoE ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งที่ 3 นับจากเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แต่ระบุว่าจะดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป โดยจะติดตามว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อในตลาดแรงงานหรือไม่
ข้อมูลจาก S&P Global ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นซึ่งเป็นภาคส่วนหลักของเศรษฐกิจ UK ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 51.1 ในเดือนก.พ. จาก 50.8 ในเดือนม.ค. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นหดตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนที่ 46.4 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกของภาคการผลิตปรับลดลงในอัตราเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี โดยได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงด้านมาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ
ทั้งนี้ บริษัทหลายแห่งเปิดเผยกับ S&P Global ว่า กำลังเร่งนำระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อรับมือกับต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้นและอุปสงค์ที่อ่อนแอลง