กิจกรรมการผลิตของออสเตรเลียปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีในเดือนก.พ. ท่ามกลางสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อใหม่ จากผลสำรวจรายเดือนของ S&P Global ที่เผยแพร่วันนี้ (3 มี.ค.)
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของออสเตรเลียจาก S&P Global ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.4 ในเดือนก.พ. จากระดับ 50.2 ในเดือนม.ค. ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2566
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ตัวเลขล่าสุดชี้ให้เห็นว่า คำสั่งซื้อใหม่กลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 อันเป็นผลมาจากอุปสงค์พื้นฐานที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกยังเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน โดยมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าคำสั่งซื้อใหม่โดยรวม
อย่างไรก็ตาม การผลิตในภาพรวมกลับลดลง เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตยังคงมีสินค้าสำเร็จรูปคงคลังในระดับที่เพียงพอ ขณะที่คำสั่งซื้อที่ค้างส่งก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ส่งผลให้ระดับการจ้างงานปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่จ้างพนักงานใหม่เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง
"แม้ว่าตัวเลขการผลิตในปัจจุบันจะปรับตัวลดลงในเดือนก.พ. แต่สถานการณ์นี้ส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นถึงกำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังคงมีอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวของอุปสงค์" จิ้งอี๋ พาน รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐศาสตร์ของ S&P Global Market Intelligence กล่าว
"นี่เป็นเหตุผลเดียวกันกับการลดลงเล็กน้อยของระดับการจ้างงานและการลดลงอย่างต่อเนื่องของกิจกรรมการจัดซื้อ สิ่งสำคัญคือเราจำเป็นต้องเห็นยอดขายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยขับเคลื่อนการผลิตและการเติบโตของการจ้างงานในภาคการผลิตสินค้าในอนาคต" พานกล่าวเสริม