ยอดค้าปลีกออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนม.ค. หลังจากทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวและมาตรการปรับลดภาษีเงินได้ครั้งใหญ่
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) ซึ่งเปิดเผยในวันนี้ (4 มี.ค.) ระบุว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน พลิกกลับจากเดือนธ.ค.ที่ลดลง 0.1% และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายเพิ่มขึ้น 3.8% คิดเป็นมูลค่า 3.71 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.31 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดย ABS ชี้ว่า การเติบโตนี้มาจากการใช้จ่ายด้านอาหารเป็นหลัก ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย
"จำนวนผู้เข้าร่วมงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสถิติผู้ชมการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพนและคริกเก็ต ส่งผลให้การใช้จ่ายในธุรกิจบริการอาหารเพิ่มขึ้น" โรเบิร์ต อีวิง หัวหน้าฝ่ายสถิติธุรกิจของ ABS กล่าว
นอกจากนี้ ข้อมูลอื่น ๆ ยังแสดงให้เห็นว่า ยอดส่งออกสุทธิมีส่วนช่วยในการเติบโตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียในไตรมาส 4/2567 อย่างไม่คาดคิด โดยมีส่วนช่วยเทียบเท่ากับการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดในช่วงปลายปี 2567
แนวโน้มการค้าปลีกได้รับแรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ซึ่งช่วยลดภาระการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยและยกระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ประกอบกับการชะลอตัวของเงินเฟ้อและมาตรการลดภาษีเงินได้ขนานใหญ่
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มองว่า การฟื้นตัวของการบริโภคเมื่อเร็ว ๆ นี้อาจเป็นเพียงภาวะชั่วคราว และเกิดจากการลดราคาในช่วงปลายปี รายงานยังแสดงให้เห็นว่า สินค้าในครัวเรือนลดลง 4.4% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน
อย่างไรก็ตาม RBA ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.1% เมื่อเดือนที่แล้ว โดยอุปสรรคที่สำคัญต่อการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมคือตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนรายได้และการใช้จ่ายต่อไป
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า มีโอกาสน้อยมากที่ RBA จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมวันที่ 1 เม.ย. แต่มีความเป็นไปได้สูงถึง 78% ที่จะมีการปรับลดในเดือนพ.ค.