ผลสำรวจของ S&P Global Market Intelligence ที่เผยแพร่วันนี้ (5 มี.ค.) ระบุว่า กิจกรรมภาคบริการของญี่ปุ่นขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนก.พ. โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งและธุรกิจส่งออกใหม่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ภาคบริการเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมา ช่วยชดเชยการชะลอตัวของภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นจาก au Jibun Bank ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 53.7 ในเดือนก.พ. จาก 53.0 ในเดือนม.ค.
ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 53.1 และยังคงอยู่เหนือระดับ 50 เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
"ภาคบริการของญี่ปุ่นมีผลประกอบการที่ดีขึ้นต่อเนื่องในเดือนก.พ." อุซามะฮ์ ภัตติ นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Market Intelligence กล่าว
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจใหม่ยังคงขยายตัว แม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อย ธุรกิจส่งออกใหม่ขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากไต้หวันและเวียดนาม
แม้ภาคธุรกิจจะมีความเชื่อมั่นว่าการเติบโตจะดำเนินต่อไปได้ โดยได้แรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นและคำสั่งซื้อที่ค้างส่ง (backlog) จำนวนมาก แต่ภัตติระบุว่า ความเชื่อมั่นโดยรวมปรับตัวลดลงเนื่องจากภาวะขาดแคลนแรงงาน
อัตราเงินเฟ้อด้านต้นทุนปัจจัยการผลิตปรับตัวลดลงจากเดือนม.ค. แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง อันเป็นผลมาจากต้นทุนแรงงาน เชื้อเพลิง และวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ผลสำรวจยังระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของราคาขายก็ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายจาก au Jibun Bank ขยายตัวเป็น 52.0 ในเดือนก.พ. จาก 51.1 ในเดือนม.ค.
อย่างไรก็ตาม ภัตติจาก S&P Global Market Intelligence กล่าวว่า ความเชื่อมั่นโดยรวมต่อแนวโน้มธุรกิจในอนาคตของภาคเอกชนโดยรวม ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 เนื่องจากภาวะขาดแคลนแรงงานและความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ