สำนักงานศุลกากรจีนรายงานในวันนี้ (7 มี.ค.) ว่า ยอดส่งออกของจีนในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร๋คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5%
ส่วนยอดนำเข้าในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. หดตัวลง 8.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1%
การส่งออกของจีนอ่อนแอลงหลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกันเป็นเวลา 9 เดือน เนื่องจากสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัม์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบแรกในอัตรา 10% มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 ก.พ. และจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนก็ได้เรียกเก็บภาษีจากจีนเพิ่มอีก 10% ส่งผลให้อัตราภาษีที่เรียกเก็บจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20%
ขณะที่จีนได้ตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินค้าบางประเภทจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงสินค้าด้านพลังงานและการเกษตร นอกจากนี้ จีนยังได้ควบคุมการส่งออกแร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องใช้
ข้อมูลการค้าที่ซบเซาเช่นนี้อาจเป็นปัจจัยขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ขณะที่รัฐบาลจีนเพิ่งประกาศเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2568 ไว้ที่ "ประมาณ 5%" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 มี.ค.)